แชร์

ช็อคโกแลตซีสต์ : ถุงน้ำเลือดในรังไข่ อันตรายกว่าที่คิด

อัพเดทล่าสุด: 14 ต.ค. 2025
91 ผู้เข้าชม

Chocolate cyst (ถุงน้ำช็อกโกแลต / Endometrioma): ปวดประจำเดือนรุนแรง มีลูกยาก ถึงเวลาตรวจไหม?

 

คลิทอเรีย คลินิกสุขภาพเพศ ตรวจภายใน เพชรเกษม 81 กรุงเทพ

คุณหมอใจดี บรรยากาศส่วนตัวเหมือนอยู่บ้าน เปิดกว้างเรื่องเพศ รับฟังทุกปัญหา ไม่ตีตราเรื่องอ่อนไหว

 


Chocolate cyst หรือ Ovarian endometrioma

คือถุงน้ำในรังไข่ที่เกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)

ของเหลวภายในเป็นเลือดเก่าจึงมีสีคล้ายช็อกโกแลต

ผู้ป่วยมักมีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ปวดท้องน้อยเรื้อรัง

เจ็บลึกเวลามีเพศสัมพันธ์

หรือมีบุตรยาก 

 

ช็อคโกแลตซีสต์ คืออะไร

ปกติแล้วเยื่อบุโพรงมดลูก ควรจะต้องอยู่แค่ในโพรงมดลูก และจะมีการหลุดลอกตัวออกมาตามรอบเดือน กลายเป็นประจำเดือนนั่นเอง

ช็อคโกแลตซีสต์ คือถุงน้ำที่เกิดขึ้น เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกก ไปเจริญและฝังตัวในรังไข่

เลือดที่ออกสะสมตามรอบเดือน ทำให้ของเหลวภายในกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายช็อกโกแลต

ภาวะนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบที่พบบ่อยของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

และอาจพบร่วมกับพังผืดในอุ้งเชิงกรานได้

 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของช็อคโกแลตซีสต์

  • ประจำเดือนไหลย้อน (Retrograde menstruation) เซลล์เยื่อบุและเลือดประจำเดือน โดนบีบตัวจากโพรงมดลูก ไหลย้อนผ่านท่อนำไข่ไปฝังที่รังไข่/อุ้งเชิงกราน
  • การอักเสบเรื้อรังและภูมิคุ้มกัน
  • ฮอร์โมนเอสโตรเจน มีบทบาทในการกระตุ้นการเติบโตของโรค
  • พันธุกรรมและประวัติครอบครัว พบความเสี่ยงสูงขึ้นหากญาติสายตรงเคยเป็นช็อคโกแลตซีสต์
  • ประจำเดือนมาเร็ว-รอบเดือนสั้น-เลือดออกมาก อาจสัมพันธ์กับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

 

 

อาการของช็อคโกแลตซีสต์ และสัญญาณที่ควรสังเกต

  • ปวดประจำเดือนรุนแรง และนานขึ้นทุกปี (progressive dysmenorrhea)
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง หน่วงท้องน้อย หรือปวดลึกเวลามีเพศสัมพันธ์
  • ปวดถ่ายอุจจาระ/ปัสสาวะ ช่วงมีประจำเดือน หากมีรอยโรคใกล้บริเวณลำไส้/กระเพาะปัสสาวะ
  • คลำได้ก้อน หรืออึดอัดท้องน้อย โดยเฉพาะเมื่อถุงน้ำมีขนาดใหญ่
  • ภาวะมีบุตรยาก จากพังผืด รบกวนการตกไข่/การจับคู่ของไข่กับอสุจิ

อาการอาจไม่สัมพันธ์กับขนาดถุงน้ำเสมอ บางคนถุงเล็กแต่อาการมาก ขณะที่บางคนถุงใหญ่แต่อาการน้อย จึงควรประเมินรายบุคคลโดยแพทย์

 

 

การวินิจฉัยช็อคโกแลตซีสต์

  • ซักประวัติและตรวจภายใน ตรวจหาการกดเจ็บ ก้อน หรือพังผืด
  • อัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอด (TVUS) มักพบถุงน้ำผนังหนา เนื้อภายในลักษณะเป็น ground glass
  • MRI พิจารณาในรายที่ซับซ้อน หรือวางแผนผ่าตัด
  • การส่องกล้องผ่าตัด (Laparoscopy) เป็นมาตรฐานในการวินิฉัยยืนยันและรักษาไปด้วยในคราวเดียว
  • การตรวจร่วม เช่น คัดกรองโรคอื่นในอุ้งเชิงกราน/ประเมินภาวะเจริญพันธุ์ตามความเหมาะสม

 

 

การรักษาช็อคโกแลตซีสต์

เป้าหมายคือ ลดอาการปวด ควบคุมการโตซ้ำของรอยโรค และ รักษาภาวะมีบุตรยาก แนวทางหลักประกอบด้วย:

  • ยาบรรเทาปวดกลุ่ม NSAIDs ใช้ตามอาการ
  • ฮอร์โมนเพื่อกดการทำงานของเยื่อบุ เช่น ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม/โปรเจสตินเดี่ยว, ยาฉีด/ฝังโปรเจสติน, LNG-IUD, หรือ GnRH agonist/antagonist (พิจารณาตามข้อบ่งชี้และผลข้างเคียง)
  • การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic cystectomy) พิจารณาในรายที่ถุงน้ำขนาดใหญ่ ปวดมาก ไม่ตอบสนองต่อยา มีบุตรยาก หรือสงสัยรอยโรคซับซ้อน การผ่าตัดควรคงเนื้อรังไข่ให้มากที่สุด
  • ภาวะมีบุตรยาก อาจต้องอาศัยการส่องกล้องร่วม การทำเด็กหลอดแก้ว (ART) หรือวางแผนรักษาร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

การเลือกวิธีรักษาขึ้นกับอาการ ขนาด/ตำแหน่งถุงน้ำ อายุ แผนการมีบุตร และประวัติการรักษาเดิม ควรตัดสินใจร่วมกันระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ โดยให้ข้อมูลครบถ้วน อบอุ่น ไม่ตัดสิน

 

การดูแลตนเองเมื่อเป็นช็อคโกแลตซีสต์

  • จดบันทึกอาการปวดรอบเดือนและปัจจัยกระตุ้น (pain diary) เพื่อช่วยวางแผนการรักษา
  • รับประทานยา/ฮอร์โมนตามแพทย์สั่ง อย่างสม่ำเสมอ
  • ประคบร้อน ยืดเหยียดเบา ๆ ฝึกผ่อนคลาย (breathing, mindfulness) ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • โภชนาการสมดุล พักผ่อนเพียงพอ และออกกำลังแบบเหมาะสม ลดการอักเสบเรื้อรัง
  • ติดตามอัลตราซาวด์ตามนัด หากต้องการมีบุตรให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนเวลาที่เหมาะสม

 

 

 

 

คำถามที่พบบ่อย

 

1. ช็อกโกแลตซีสต์เป็นมะเร็งหรือไม่?

ส่วนใหญ่ ไม่ใช่มะเร็ง แต่ในส่วนน้อย (น้อยกว่า 1%) โดยเฉพาะในหญิงอายุเกิน 40 ปี หรือถุงน้ำขนาดใหญ่กว่า 6-8 เซนติเมตร อาจเกิดการกลายเป็นมะเร็งได้ แพทย์จึงมักแนะนำให้ติดตามอัลตราซาวด์ทุก 6-12 เดือน เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของก้อน

 

 

2. ช็อกโกแลตซีสต์รักษาให้หายขาดได้ไหม?

ภาวะนี้เป็นโรคเรื้อรังที่ ควบคุมได้ มากกว่าจะ หายขาด ถ้ารักษาครบและติดตามต่อเนื่องสามารถใช้ชีวิตปกติได้ อัตราการกลับมาเกิดซ้ำลดลงมากหากใช้ฮอร์โมนต่อเนื่องหลังผ่าตัด หรือใช้ฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอ

 

 

3. เป็นช็อกโกแลตซีสต์จะมีลูกได้ไหม?

เป็นช็อกโกแลตซีสต์สามารถมีลูกได้ แต่โอกาสอาจลดลงเพราะพังผืดและการอักเสบในอุ้งเชิงกรานส่งผลต่อการตกไข่หรือการจับคู่ของไข่กับอสุจิ หากวางแผนมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ และวางแผนเวลาที่เหมาะสมก่อนผ่าตัด

 

 

4. ช็อกโกแลตซีสต์จำเป็นต้องผ่าตัดทุกรายไหม?

ไม่จำเป็นทุกคนค่ะ การผ่าตัดมักพิจารณาเมื่อมีอาการรุนแรง ถุงน้ำขนาดใหญ่ (5 เซนติเมตร) หรือสงสัยเป็นมะเร็ง ในรายที่อาการน้อยหรือยังต้องการเก็บรังไข่ไว้ มีทางเลือกการรักษาด้วยยาและฮอร์โมนก่อน

 

 

5. ช็อกโกแลตซีสต์ผ่าตัดแล้วจะกลับมาเป็นอีกไหม?

มีโอกาสกลับมาได้ประมาณ 20-40% ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะถ้าไม่ได้รับฮอร์โมนกดหลังผ่าตัด การใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนต่อเนื่องหลังผ่าตัดช่วยลดอัตรากลับเป็นซ้ำได้ชัดเจน

 

 

6. อาหารมีผลต่อช็อกโกแลตซีสต์หรือไม่?

งานวิจัยพบว่าอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง หรือเนื้อแดงมากอาจเพิ่มระดับการอักเสบในร่างกาย ควรเพิ่มอาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด ผักใบเขียว และลดคาเฟอีนกับแอลกอฮอล์ลง

 

 

7. ถ้ามีอาการปวดประจำเดือนมาก ควรรีบตรวจเมื่อไหร่?

หากอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปวดลึกเวลาเพศสัมพันธ์ ปวดก้น หรือมีประจำเดือนมามากผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจอัลตราซาวด์โดยเร็ว การตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยป้องกันพังผืดและภาวะมีบุตรยากได้

 

 

8. ตรวจช็อกโกแลตซีสต้องเตรียมตัวยังไง?

โดยทั่วไปไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร ตรวจผ่านช่องคลอด (TVUS) ใช้เวลาเพียง 5-10 นาที ไม่เจ็บและปลอดภัย สามารถตรวจช่วงที่มีประจำเดือนได้

 

 

9. การตั้งครรภ์ช่วยให้ช็อกโกแลตซีสต์หายไหม?

ในบางรายอาการดีขึ้นชั่วคราวระหว่างตั้งครรภ์ เพราะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงช่วยกดการทำงานของเยื่อบุ แต่ไม่ถือว่าเป็นการรักษา เมื่อฮอร์โมนกลับสู่ปกติ โรคอาจกำเริบได้อีก

 

 

10. ถ้าไม่รักษาช็อกโกแลตซีสต์ จะเกิดอะไรขึ้น?

ถุงน้ำอาจโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปวดมากขึ้น เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือในบางกรณีถุงน้ำแตกและตกเลือดในช่องท้องได้ การปล่อยไว้โดยไม่รักษาจึงไม่แนะนำค่ะ

 

 

 

 


 

ค่าบริการตรวจ และรักษาช็อคโกแลตซีสต์ (Chocolate cyst)

พบแพทย์ + ตรวจภายใน

1,390 บาท

รวมซักประวัติ ประเมินความเสี่ยง

ให้คำแนะนำเบื้องต้น

อัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอด (TVUS)

1,990 บาท

ประเมินลักษณะถุงน้ำ และพังผืด

ราคานี้รวมค่าตรวจภายในแล้ว

ยาปรับฮอร์โมน

เริ่มต้น 490 บาท

ปรับสูตรรายบุคคล

เพื่อลดปวด/ควบคุมตัวโรค

ปรึกษาวางแผนมีบุตร

1,390 บาท

ประเมินความพร้อมในการมีบุตร / ตัวเลือกการรักษาร่วมแพทย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

 

โทร. 081-116-3788

 

 

 

ปรึกษาทีมแพทย์ คลิทอเรีย คลินิกสุขภาพเพศ เพชรเกษม 81 กรุงเทพ
โทร. 081-116-3788 หรือ Line OA: @dr.clitoria

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy